วันศุกร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2559

การนับเลข ประเทศมาเลเซีย



การนับเลข


                               ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ การนับเลขประเทศมาเลเซีย



คำศัพท์
หนึ่งซาตู (satu)
สองดัว (dua)
สามทิก้า (tiga)
สี่เอ็มแพท (empat)
ห้าลิม่า (lima)
หกอีนาม (enam)
เจ็ดทูจู (tujuh)
แปดลาพัน (lapan)
เก้าเซ็มบิลัน (sembilan)
สิบเซปูลู (sepuluh)

                   

คำบอกรัก ประเทศมาเลเซีย


คำบอกรัก
                                                       
                              ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คำบอกรักประเทศมาเลเซีย

                 มาเลเซีย เรียกว่า ซายาจินตามู (Saya cinta mu)

เทศกาล งานประเพณี ประเทศมาเลเซีย

เทศกาลงานประเพณี
ความหลากหลายของกลุ่มคนในมาเลเซีย จึงมีงานเทศกาลประเพณีทางศาสนาซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ปฏิทินจันทรคติ เทศกาลงานประเพณีในมาเลเซียที่น่าสนใจ เช่น
เทศกาลตรุษจีน
ตรุษจีนในมาเลเซียก็เช่นเดียวกับตรุษจีนประเทศต่างๆเป็นเทศกาลปีใหม่ของชาวจีน มีการทำความสะอาดอาคารบ้านเรือนประดับประดาสิ่งสวยงาม มีการเชิดสิงโต ตามศาลเจ้าของจีนจะมีผู้คนไปกราบไหว้ขอพรจากเทพเจ้าอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะในกรุงกัวลาลัมเปอร์ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ จะคึกตักเป็นพิเศษเพราะมีชาวจีนประกอบธุรกิจการค้าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
มาเลเซียเป็นเทศหนึ่งในอาเซียนที่มีชาวฮินดูอาศัยอยู่ค่อนข้างมาก ชาวฮินดูมีประเพณีสำคัญคือ ไทปูซัม เป็นวันที่ชาวฮินดูพากันมาประกอบพิธีกรรมสำนึกบาปที่ตนเองได้ทำไว้ไปในช่วงเวลาที่ผ่าน มีการลงโทษทำร้ายตนเอง โดยใช้ของแหลม ของมีคมทิ่มแทงตนเอง ประเพณีจะจัดขึ้นที่ถ้ำบาตูในกรุงกัวลาลัมเปอร์และปีนัง
เทศกาลว่าวนานาชาติ
เป็นการแข่งขันว่าวนานาชาติ ซึ่งว่าวแต่ละตัวมีสีสันและรูปแบบสวยงามแปลกตา มีหลากหลายตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่มหึมา สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้พบเห็น งานนี้จัดขึ้นที่หาดตุมปัดในเมืองกลันตัน
เทศกาลซาบาห์
เป็นการรวมตัวของคนกว่า 30 ชนเผ่า มีการแสดงวัฒนธรรมประเพณีเพื่อให้เห็นเอกลักษณ์เฉพาะตนที่สั่งสมมาแต่บรรพบุรุษงานนี้จัดขึ้นเป็นเวลา 2 สัปดาห์ในซาบาห์
เทศกาลกาไว
เป็นการเฉลิมฉลองหลังการเกี่ยวข้าวของชาวนา เป็นงานรื่นเริง เลี้ยงอาหารและเครื่องดื่มอย่างสนุกสนาน
วันชาติ
ตรงกับวันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่มาเลเซียได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ ชาวมาเลเซียจึงมีการเฉลิมฉลองอย่างครึกครื้น มีการตั้งริ้วขบวนแห่ไปตามถนนสายสำคัญในกัวลาลัมเปอร์เมืองหลวงของมาเลเซีย
เทศกาลขนมไหว้พระจันทร์และเทศกาลโคม
เป็นงานเทศกาลเฉลิมฉลองในชัยชนะของชาวจีนโบราณที่มีต่ออาณาจักรมองโกล (คริสต์ศตวรรษที่ 14 ) ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ตั้งอยู่กลางทะเลทราบโกบี หรือประเทศมองโกเลียในปัจจุบัน มีการขยายอำนาจกว้างไกลที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยเฉพาะในช่วง ค.ศ.1206 ภายใต้การนำของเจงกิจข่าน แผ่อำนาจครอบคลุมทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงยุโรปตะวันออก
ชาวจีนในมาเลเซียมีการทำขนมไหว้พระจันทร์เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ในงานนี้ยังมีกระบวนการแห่โคมอย่างสวยงามอีกด้วย
ประเพณีดีปาวาลี
เป็นเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ของชาวฮินดู และบูชานางลักษมีเทวี ซึ่งเป็นพระชายาของพระนารายณ์ และเป็นเทพธิดาแห่งความร่ำรวยและความมั่งคั่ง ในช่วงวันเวลาดังกล่าวตรงกับวันพระจันทร์เต็มดวงราวกลางเดือนตุลาคม ชาวฮินดูจึงมีการบูชาดวงจันทร์ เสมือนเป็นสัญลักษณ์ของพระนางลักษมีเทวี
ประวัติตำนานของประเพณีนี้กล่าวว่า วันที่พระรามซึ่งเป็นร่างอวตารของพระรามไปรบกับอสูรแล้วยกทัพกลับเข้าเมืองอโยธยา ตรงกับวันดีปาวาลีการจุดเทียนสว่างไสวจึงเป็นการฉลองชัยชนของศึกครั้งนั้นด้วย ประเพณีปาวาลีจึงเป็นการเฉลิมฉลองที่ธรรมะ (หมายถึงพระราม) ชนะอธรรม (หมายถึงอสูร) บางบ้านมีการจุดเทียนและประทีปจากหน้าบ้านนำไปยังหิ้งบูชาพระนางลักษมีเทวีในบ้านเรือนด้วย ค่ำคืนนั้นแสงเทียนแสงประทีปจะวับวามสวยงาม นอกจากนี้บางบ้านยังทำความสะอาดอาคารบ้านเรือน รวมถึงตู้เซฟที่เก็บทรัพย์สินเงินทอง
 เทศกาลฮารีรายา
วันฮารีรายาถือเป็นวันสำคัญในรอบปีของผู้นับถือศาสนาอิสลาม วันสำคัญนี้กำหนดขึ้นจากการเฝ้าสังเกตดูดวงจันทร์บนท้องฟ้าของชาวมุสลิมในวันหยุดท้ายของการถือศีลอดในเดือนรอมฎอนทางรัฐบาลจะประกาศให้ชาวมุสลิมรับรู้อย่างเป็นทางการ และมาเลเซียให้วันนี้เป็นวันหยุดราชการติดต่อกันหลายวัน
ในวันฮารีรายา ชาวมุสลิมจะพากันไปละหมาดที่มัสยิด หลังจากนั้นจะเดินทางไปยังกุโบร์ เพื่อสวดมนต์ขอพรให้กับญาติพี่น้องบรรพบุรุษผู้วายชนม์ หลังจากนั้นก็จะออกซากาดหรือทำทานแก่ผู้ยากไร้ โดยเฉพาะเด็กกำพร้า หลังจากนั้นก็จะออกเดินทางท่องเที่ยวไปเยี่ยมบ้านญาติมิตรที่เคารพนับถือ

แหล่งท่องเที่ยว ประเทศมาเลเซีย




แหล่งท่องเที่ยว



กัวลาลัมเปอร์ (Kuala Lumpur)

Kuala Lumpur, Malaysia
เมืองหลวงของประเทศมาเลเซียที่เป็นศูนย์รวมความเจริญในทุกด้าน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ประวัติศาสตร์ความเป็นมาไม่ต่ำกว่า 200 ปี จากเมืองขุดเหมืองแร่ในอดีตที่เจริญขึ้นมาเป็นเมืองเศรษฐกิจการค้าใหญ่แห่งหนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กรุงกัวลาลัมเปอร์จึงมีทั้งสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความบันเทิงหลายแห่ง
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น จัตุรัสเมอร์เดก้า (Merdeka Square) ตึกแฝดเปโตรนาส (Petronas Twin Towers) พิพิธภัณฑ์การเงินเมย์แบงค์ (Maybank Numismatic Museum) สวนตามาน ตาสิก ติติวังสา (Taman Tasik Titiwangsa) บ้านพักนายกรัฐมนตรี (Galeria Seri Perdana) สวนสัตว์แห่งชาติและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (National Zoo of Malaysia) มัสยิดจาเมก (Masjid Jamek) ตลาดกลาง (Central Market) และอาคารสุลต่านอับดุลซามัด (Sultan Abdul Samad Building) เป็นต้น
ไปเที่ยวช่วงไหนดี สามารถเที่ยวได้ทั้งปีแต่จะมีฝนตกชุกในช่วงเดือนมีนาคม-เดือนเมษายน และระหว่างเดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน

มะละกา (Malacca)

Malacca, Malaysia
เมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดของเอเชียอาคเนย์มาตั้งแต่ครั้งอดีตกาล พูดง่ายๆ ว่าเป็นเมืองท่าหน้าด่านของแดนขวานทองเลยก็ว่าได้ จึงนับได้ว่ามะละกาเป็นแหล่งประวัติศาสตร์หลักของประเทศมาเลเซียในด้านต่างๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจการค้า ศาสนาและงานศิลปะแขนงต่างๆ ที่ผสมผสานกันระหว่างยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย มะละกาเป็นเมืองในทวีปเอเชียที่มีงานสถาปัตยกรรมของยุโรปโดดเด่นมากเมืองหนึ่ง นอกจากนั้นเมืองนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องชายหาดขาวและทิวต้นมะพร้าวริมอ่าวอันสวยงามอีกด้วย
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้แก่ วัดคริสต์ (Christ Church) โบสถ์เซนต์ปอล (St Paul’s Church) ป้อมปราการโบราณอาฟาร์โมสา (A Formesa Fort) พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรม (Heritage Centre) ถนนเก่าจ็อนเกอร์ (Jonker Street) พิพิธภัณฑ์ทางทะเล (Coral Wonderland) จัตุรัสโปรตุเกส (Red Square/ Dutch Square) มัสยิดโบราณตรังเกรา (Tranquerah) บ่อน้ำโบราณ ตลาดนัดกลางคืน (Pasar Malam) และวัดเช็งฮุนเต็ง (Cheng Hoong Teng Temple) เป็นต้น
ไปเที่ยวช่วงไหนดี สามารถเที่ยวได้ทั้งปีแต่ในระหว่างเดือนกันยายน-เดือนตุลาคมจะมีฝนตกหนักและมักเป็นฤดูที่เกิดไฟป่าได้บ่อยครั้ง

เกาะลังกาวี (Langkawi)

Langawi, Malaysia
หมู่เกาะกว่าร้อยเกาะอันเป็นที่เลื่องลือด้วยความสวยงามทางธรรมชาติ มากกว่าไปกว่านั้นลังกาวียังมีหมู่เกาะลักษณะพิเศษที่เป็นหินอ่อนทั้งเกาะอยู่ถึง 36 เกาะ ลังกาวีถือเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมทั้งของชาวมาเลเซียและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้แก่ จัตุรัสนกอินทรีย์ อุทยานดอกไม้ตามันลาเจนด้า (Taman lagenda) ซึ่งนอกจากจะเป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้นานาชนิด มีอุโมงค์ต้นไม้ยาว 15 เมตรอันสวยงามแล้ว สวนแห่งนี้ยังมีส่วนที่จัดเป็นสวนใต้น้ำ จัดแสดงปลาและพืชใต้น้ำในเขตของลังกาวีอีกด้วย หากยังตื่นตาตื่นใจไม่พอ ลังกาวีก็มีพิพิธภัณฑ์ทางน้ำ-อะควาเรียม-โลกใต้น้ำ (Langawi Under Water World) อุทยานสวนนกกลางแจ้ง (Langawi Bird Paradise) หรือจะไปชมพิพิธภัณฑ์ข้าวและนาข้าวที่ลามันปาดีลังกาวี (Laman Padi Langawi) เยี่ยมชมพระราชวังพักร้อนลังกาวี (Summer Palace) ไปช้อปปิ้งและดูการแสดงพื้นบ้านพร้อมชิมอาหารชาวเกาะกันที่หมู่บ้านโอเรียลเต็ล (Langawi Oriental Village) นั่งเคบิ้ลคาร์ชมวิวจากมุมสูง ไปชมความงามของน้ำตกเจ็ดบ่อ (Seven Falls) และน้ำตกทุเรียน (Durian Perangin Waterfall) ไปผจญภัยล่องเรือสำรวจถ้ำกันที่อุทยานสุไหงคีลิม (Sungai Kilim) ชมพิพิธภัณฑ์ของที่ระลึกและบรรณาการจากผู้นำทั่วโลกกันที่ แกลเลอเรียเปอร์ดานา (Galeria Perdana) และพักผ่อนรับลมทะเลกันที่ชายหาดแหลมตันหยงรู (Tanjung Rhu)
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ฤดูท่องเที่ยวของลังกาวีจะเริ่มต้นที่เดือนพฤศจิกายน-เดือนเมษายน เพราะเป็นช่วงที่ทะเลสงบไม่มีคลื่นลมและอากาศเย็นสบาย

เกาะปีนัง (Penang)

Penang, Malaysia
เมืองสุดทันสมัยแห่งหนึ่งของมาเลเซีย แหล่งช้อปปิ้งในดวงใจของใครหลายคน อีกทั้งยังเป็นไชน่าทาวน์ขนาดย่อมๆ ปีนังเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาช้านานไม่ต่างจากมะละกา ในทุกปีราวเดือนพฤษภาคม จะมีเทศกาลการแข่งขันเรือมังกรนานาชาติที่ถือว่าเป็นเทศกาลสำคัญและมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามายังปีนังเพื่อเข้าร่วมเทศกาลเป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันเป็นเมืองชายทะเลและเมืองตากอากาศขึ้นชื่อ
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมได้แก่ ถนนย่านเมืองเก่าจอร์จทาวน์ (Street of George Town) ที่มีสถาปัตยกรรมอาคารยุโรปโบราณอันสวยงามและยังเป็นเขตเมืองเขตแรกของปีนังอีกด้วย เยือนป้อมฟอร์ตคอร์นวอลลิส (Port Cornwallis) ป้อมปราการด่านแรกของปีนังในอดีต ชมการจัดแสดงวิถีชีวิตพื้นบ้านของชาวปีนังกันที่พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ปีนัง (Penang Museum and Art Gallery) ขึ้นเขาชมวิวที่ปีนัง ฮิลล์ (Penang Hill) ชมสถาปัตยกรรมจีนโบราณและสักการะเทพที่ศาลจีนเก่าแก่ คูกงสี (Khoo Kongsi) ไหว้พระรับพรที่วัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์ที่มีสถาปัตยกรรมจีนผสมพม่าและไทย วัดเขาเต่าหรือเค็ก ลก ซี (Kek Lok Si-Turtle Temple) เยี่ยมชมคฤหาสน์อายุกว่าร้อยปีของคหบดีผู้มั่งคั่งในอดีต คฤหาสน์เฉิงฟัตเต๋อ (Cheong Fatt Tze Mansion) ชมความงามของมัสยิดอันโดดเด่นของเกะปีนัง มัสยิดกัปปิตันเคอลิง (Kapitan Kelling Mosque) และแน่นอนว่ามาปีนังทั้งทีต้องไปเยือนหาดชื่อดัง บาตู เฟอร์ริงงี (Batu Ferringhi) และหาดเตลุก บาฮัง (Teluk Bahang) ไม่ไกลจากหาดตาลุก บาฮังก็เป็นที่ตั้งของฟาร์มผีเสื้อ (Butterfly Farm) ของเกาะอีกด้วย
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ปีนังสามารถเที่ยวได้เกือบทั้งปี ยกเว้นในช่วงฤดูมรสุมที่มีฝนตกชุกและเป็นช่วงเกิดไฟป่าในราวเดือนกันยายน-เดือนพฤศจิกายน

ปะหัง (Pahang) ใกล้กับสนามบินเมืองกลันตัน (Kuantan)

Pahang, Malaysia
เขตท่องเที่ยวธรรมชาติขุนเขาของมาเลเซียที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่น้อยไปกว่าเกาะต่างๆ และยังเป็นที่ตั้งของอุทยานแห่งชาติหลายแห่ง เช่น อุทยานทามัน เนการา (Taman Negara) ซึ่งเป็นเขตป่าฝนที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีกิจกรรมล่องเรือ สำรวจถ้ำ เดินป่า ดูนก ปีนเขา และว่ายน้ำในบ่อน้ำธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ อุทยานแห่งชาติเอ็นเดา-รอมปืน (Endau-Rompin National Park) ที่เป็นแหล่งสงวนพันธุ์สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ เช่น แรดสุมาตรา
นอกจากอุทยานแห่งชาติสองแห่งนี้แล้ว ปะหังยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอีกหลายแห่ง เช่น เกนติ้ง ไฮแลนด์ (Genting Highlands) หุบเขาแห่งความบันเทิงที่มีสวนสนุกขนาดใหญ่ ราอร์ทที่พักครบวงจรในบรรยากาศเย็นสบายท่ามกลางหุบเขาเก็นติ้ง จุดหมายท่องเที่ยวนิยมของชาวไทยมานานแสนนาน คาเมรอน ไฮแลนด์ (Cameron Highlands) แหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ของเกาะที่มีธรรมชาติงดงามของไร่ชา สวนดอกไม้และสวนผลไม้นานาชนิด ว่ากันว่าหุบเขาคาเมรนนี้มีโอโซนที่ปลอดโปร่งโล่งสบายปอดมากที่สุดของมาเลเซีย นอกจากหุบเขาแล้ว ปะหังก็ยังมีเกาะสวยงาม แหล่งดำน้ำชั้นเลิศที่ เกาะทิโอมัน (Pulau Tioman) และอย่าลืมแวะหาดเตลก เชมพาดัก (Teluk Cempedak) หาดทรายขาวทอดตัวยาวชื่อดังของปะหังที่เป็นที่แหล่งแล่นเรือใบยอดนิยมของชาวเมือง
ไปเที่ยวช่วงไหนดี ปะหังสามารถเที่ยวได้ทั้งปีแต่จะมีฝนตกชุกในช่วงเดือนมิถุนายน-เดือนตุลาคม ซึ่งไม่เหมาะแก่การลงดำน้ำและกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ เพราะคลื่นลมค่อนข้างแปรปรวน แต่สามารถเที่ยวในบริเวณหุบเขาได้ ซึ่งช่วงนี้จะไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน ในขณะที่ช่วงฤดูหนาวตั้งแต่ราวเดือนธันวาคม-เดือนมีนาคมจะเป็นฤดูท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาปะหังค่อนข้างเยอะ และที่พักจะหายาก ต้องทำการจองล่วงหน้านานกว่าปกติ


ชุดแต่งกาย ประเทศมาเลเซีย

ชุดแต่งกาย


ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติของชาติมาเลเซีย  ซึ่งเคร่งครัดในระเบียบปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนา  โดยเฉพาะการแต่งกายที่สุภาพมิดทั้งหญิงและชาย
ในอดีต  ผู้ชายชาวมาเลเซียมักนุ่งโสร่งไม่สวมเสื้อ  หรือถ้าจะสวมใส่ก็เป็นเสื้อแขนสั้นหรือกางเกงขาสั้นแทนโสร่งแทน  ส่วนผู้หญิงนิยมนุ่งผ้ากระโจมอก  บางคนอาจมีผ้าบางๆไว้คลุมไหล่ องค์สุลต่านอาบูบาการ์แห่งรัฐยะโฮร์  ทรงเห็นว่าการแต่งกายของชาวมาเลเซียไม่เรียบร้อย  อีกทั้งไม่มีชุดประจำชาติที่ดูสุภาพพระองค์จึงทรงคิดให้ชุด  บาจู  กูหรง  (Baji  Kurung)ซึ่งเป็นภาษามลายู  แปลว่า  ปกปิดมิดชิด
ลักษณะเด่นของชุดบาจู  กูหรงไม่ว่าของผู้ชายหรือผู้หญิง  มักจะตัดเย็บด้วยผ้าผืนเดียวกัน  เพราะฉะนั้นทั้งสีและลวดลายบนผืนผ้า จึงเป็นแบบเดียวกันทั้งชุด  แต่ชุดของผู้ชายกลับมีเครื่องเครามากกว่าของผู้หญิงชุดผู้ชาย ทั้งเสื้อและกางเกงลวดลายสีสันเดียวกันทั้งชุด   ไม่นิยมลวดลายสัตว์หรือผิดหลักศาสนาอิสลาม เสื้อผู้ชายเป็นแขนยาว  ทั้งแบบคอลมและคอจีน  ซึ่งมีรังดุมราว  2-5  เม็ด  ผ่าจากคอเสื้อลงมาถึงกลางอก
ส่วนท่อนล่างจะเลือกใส่กางเกงหรือผ้าโสร่งก็ได้  ถ้าใส่กางเกงต้องมีผ้าพัน  หรือมองดูคล้ายโสร่งสั้น  จากสะดือถึงเข่า  ภาษามลายูเรียกผ้าพันนี้ว่า  ซัมปิน  (Sampin)  ซึ่งสีไมฉูดฉาด  แต่ก็สวยงามบางทีเป็นผ้าไหม  ดิ้นทอง  ซัมปินทำให้ชุดผู้ชายดูสุภาพเรียบร้อย  ทั้งยังสามารถกันเปื้อนได้อีกด้วย
ที่ศีรษะผู้ชายจะสวมหมวกแขกกำหยี่สีดำ  ภาษามลายูเรียกว่า  ซองโก๊ะ  (Songkok)  แต่ถ้าจะให้เต็มยศบางคนก็จะสวมผ้าพันเป็นรูปมงกุฎสวมทับไปบนหมวกอีกชั้นหนึ่ง
การพับผ้าเป็นรูปมงกุฎมีแบบต่างๆ เช่น  รูปนกอินทรีปีกหัก  รูปช้างรบ  รูปสู้ลม  ถือเป็นศิลปะที่ต้องใช้เวลาประดิดประดอย  จึงไม่เป็นที่นิยม  ในอดีตการสวมผ้าพับรูปมงกุฎนี้เป็นเครื่องบอกชนชั้นในสังคมมาเลเซีย  ส่วนใหญ่เป็นเครื่องทรงขององค์สุลต่านและราชวงศ์  ส่วนสามัญชนจะสวมใส่ผ้าพันมงกุฎนี้ในวันสำคัญเช่นในวันแต่งงาน  ซึ่งหมายถึงเจ้าบ่าวเป็นเจ้าชายในวันนั้น
862160_527548443980531_2109927633_n
2
สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของชาวมาเลเซียคือ  กริช  ซึ่งเคยเป็นอาวุธประจำกายของผู้ชายที่ต้องติดตัวอยู่ตลอดเวลา  แต่ปัจจุบันกริช  ใช้เป็นเครื่องประดับในชุดบาจู  กูหรง  โดยเหน็บข้างเอวให้เห็นเท่านั้น  การแต่งกายแบบนี้สำหรับชาวมาเลเซียถือว่าสุภาพมาก  มักแต่งไปในงานพิธีเช่นงานแต่งงาน
ที่กล่าวมานี้ค่อนข้างเป็นการแต่งกายที่เป็นทางการ  แต่ถ้าต้องการความสะดวกเรียบง่าย  เพื่อไปประกอบพิธีกรรมที่มัสยิด     ก็เพียงโสร่ง  สวมเสื้อปล่อยชายยาวคลุมทับโสร่ง  สวมหมวกกำมะหยี่สีดำ
บางครั้งผู้ชายก็แต่งตัวอย่างสากล  ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวหรือสีอ่อน  ดูสุภาพ    กับกางเกงสีเข้ม  และที่ขาดไม่ได้คือใส่หมวกกะปิเยาะห์
ชุดผู้หญิง  มีเครื่องแต่งกายน้อยชิ้นกว่าชาย  ทั้งเสื้อและกระโปรงตัดด้วยผ้าบางเบา  เนื่องจากภูมิอากาศที่ร้อนอบอ้าว  ผ้าเป็นลวดลายและสีเดียวกันทั้งชุด    หรือสีที่เข้ากันดีระหว่างเสื้อกับผ้านุ่ง    นิยมลวดลายดอกไม้สีสันสดใส เสื้อผู้หญิงเป็นแบบแขนยาว  ชายเสื้อยาวลงมาถึงเข่า  บางคนนิยมตัดเย็บเสื้อเข้ารูป  แต่บางคนปล่อยให้หลวมๆ  ไม่เน้นรูปร่าง  ส่วนท่อนล่างเป็นกระโปรงยาวคลุมตาตุ่ม  ไม่ผ่าข้าง เมื่ออกนอกบ้าน  ผู้หญิงมาเลเซียนิยมคลุมศีรษะด้วยผ้าบางเบา  มีสีสันลวดลายดูกลมกลืนหรือเป็นลายเดียวกับเสื้อและกระโปรง  ผ้านี้บางทีก็นำมาคลุมไหล่เป็นเครื่องประดับได้ด้วย  สตรีมุสลิมที่เคร่งครัดก็มักคลุมฮิญาบ   หรือที่ชาวมลายูเรียกว่า  ตุดง (Tudung)  ซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมมากขึ้น
56

เงินเดือน ค่าแรงขั้นต่ำ ประเทศมาเลเซีย




เงินเดือน ค่าแรงขั้นต่ำ



                       ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เงินเดือน ค่าแรงขั้นต่ำประเทศมาเลเซีย


  ดาโต๊ะ ซรี นาจิบ ตน ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ประกาศกำหนดค่าแรงขั้นต่ำให้แรงงานภาคเอกชนเป็นครั้งแรก โดยแรงงานในคาบสมุทรมาเลเซียจะได้ 900 ริงกิตต่อเดือน หรือ 4.33 ริงกิตต่อชั่วโมง ส่วนแรงงานในรัฐซาราวัก รัฐซาบาฮ์ และลาบวน จะได้ 800 ริงกิต ต่อเดือน หรือ 3.85 ริงกิตต่อชั่วโมง โดยจะมีผลบังคับใช้ใน 6 เดือน หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ยกเว้นบริษัทที่มีขนาดเล็ก ได้แก่ บริษัทที่มียอดขายประจำปีจำนวน 250,000 ริงกิต (สำหรับภาคอุตสาหกรรม) และจำนวน 200,000 ริงกิต (สำหรับภาคการเกษตรและบริการ) และมีจำนวนลูกจ้างประจำ 5 คน รัฐบาลฯ เลื่อนผลบังคับใช้เพิ่มเป็น 12 เดือน ซึ่งนับเป็นการเตรียมการเพื่อเข้าสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี 2020 (พ.ศ. 2563)
                    นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวว่า รัฐบาลออกมาตรการดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนของชนชั้นแรงงาน และช่วยให้มั่นใจว่าชนชั้นแรงงานจะสามารถปรับตัวเพื่อเผชิญหน้ากับปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นในอนาคตได้ อย่างไรก็ตาม มีการประเมินกันว่า การประกาศกำหนดค่าแรงขั้นต่ำเป็นครั้งแรกของประเทศมาเลเซียในครั้งนี้ มีเหตุผลในทางการเมืองแอบแฝง เนื่องจากรัฐบาลมาเลเซียกำลังจะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้นในมาเลเซียในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลมาเลเซียก็ได้อนุมัติให้ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการประจำมาแล้ว ซึ่งมาตรการทั้งหมดได้รับการประเมินว่าเป็นการสร้างความพึงพอใจซึ่งจะมีผลต่อคะแนนนิยมของพรรครัฐบาลในการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง 
                    นอกจากนี้ ยังได้มีตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับตลาดแรงงานและเศรษฐกิจของมาเลเซีย ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อการประกาศดังกล่าวหลากหลายมุมมอง อาทิ เช่น เลขาธิการหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศมาเลเซียมีความเห็นว่าการกำหนดอัตราค่าแรง 900 ริงกิต ครอบคลุมทุกรัฐในคาบสมุทรมาเลเซีย จะทำให้นักลงทุนชาวต่างชาติกลัวที่จะเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการที่อยู่ในเขตชนบท พร้อมทั้งเสนอว่าการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำควรพิจารณาเป็นรายพื้นที่ ในขณะที่ประธานสหภาพแรงงานมาเลเซียแสดงความยินดีที่รัฐบาลมีมติใช้อัตราค่าแรงขั้นต่ำ หลังจากที่ได้เรียกร้องกันมานานกว่า 10 ปี พร้อมกันนี้ สหภาพฯ ประกาศว่าจะพยายามผลักดันให้มีการจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงครองชีพอีกจำนวน 300 ริงกิต เพิ่มเติมให้แรงงานภาคเอกชนด้วย เพราะเชื่อว่าเมื่อมีการปรับค่าจ้าง ย่อมส่งผลต่อการปรับอัตราค่าครองชีพให้สูงขึ้นตามไปด้วยอย่างแน่นอน ทางด้านผู้อำนวยการบริหารสหพันธ์นายจ้างมาเลเซีย แสดงความเห็นว่า รัฐบาลประกาศกำหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ำเร็วเกินไป ควรให้นายจ้างมีการปรับตัวมากกว่านี้ และให้คำแนะนำว่า การปรับขึ้นอัตราค่าแรง ควรดำเนินควบคู่กับการกำหนดมาตรฐานฝีมือแรงงาน ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อทุกฝ่าย
                    อย่างไรก็ตาม นักวิจัยของ CIMB ให้ความเห็นว่า แม้การกำหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ำจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ประกอบการ แต่ก็จะส่งผลดีในระยะยาวต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรม เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ลดการพึ่งพาแรงงานไร้ฝีมือ และจะมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น
                    อนึ่ง การกำหนดอัตราค่าแรงขั้นต่ำดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้กับตำแหน่งงานทุกตำแหน่งในภาคเอกชน รวมทั้งแรงงานต่างชาติ ยกเว้นตำแหน่งแม่บ้าน